เมื่อคนไม่มีเครื่องแบบ ต้องสู้กับคนในเครื่องแบบ
Heli เป็นเรื่องราวของคนตัวเล็กๆในสังคมที่ต้องต่อสู้กับสิ่งที่ไม่มีใครคิดว่าจะสู้ได้ เอลี่(Heli)เด็กหนุ่มคนหนึ่ง และน้องสาวของเขา เอสเตลา(Estela)ที่เข้ามาพัวพันกับปัญหาระดับประเทศแบบไม่ทันตั้งตัว Heli ไม่ใช่หนังแนวมาเฟียค้ายาเสพติดแบบที่เราคุ้นเคย แต่มันทำให้เห็น สิ่งที่เราคุ้นเคยในสังคมมากกว่า ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องที่น่าคุ้นเคย พูดง่ายๆก็คือ "แปลกแต่จริง" นั่นเอง
ด้วย Heli เป็นหนังแตกติสท์ ดิบสุดโต่งแต่ก็ซึมลึกเหมือนสไตล์หนังทางยุโรปผนวกกับอินดี้ลาติน ซึ่งเหมาะกับคนที่ชอบของแปลก หรือชอบเสพงานศิลป์จากภาพยนตร์ จึงไม่น่าแปลกใจที่มันเป็นที่ถูกใจของเทศกาลหนังเมืองคานส์ ให้เข้าสายการประกวดหลักได้เข้าชิงปาล์มทองของปี 2013 นั้น และคว้ารางวัลใหญ่ 'ผู้กำกับยอดเยี่ยม'มาครอง อีกทั้งยังกวาดรางวัลมากมายจากหลายสถาบัน รวมทั้งถูกเลือกเป็นตัวแทนเม็กซิโกเข้าชิงออสการ์ในปีนั้น
ต้องยอบรับว่า Heli เป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายภาพได้อย่างเด็ดขาด อารมณ์หนังโดดเด่นเกินบรรยาย และการดำเนินเรื่องที่แหลมคม ดูสนุกมาก แม้หนังจะดู 'เหว่อๆ' แต่ก็ 'จริงจัง' สุดๆในเวลาเดียวกัน ทำให้เกิดมิติที่ดูมีเอกลักษณ์ แปลกดีใช่ไหมล่ะ? แต่ที่แปลกกว่านั้นคือ มันเหมือนเหตุการณ์จริงในเมืองไทยเอามากๆนี่สิครับที่อยากจะพูดถึง เมื่อเร็วๆนี้หลายคนอาจเคยเห็นคลิปการฝึกทหารแบบแปลกๆในไทยที่ดังไปถึงสื่อต่างประเทศ แต่บอกได้เลยว่านั่นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร ของจริงมันยิ่งกว่านั้นเยอะครับ นอกจาก Heli จะพูดประเด็นระบบโซตัสของทหาร ยังพูดถึงการปฏิบัติงานของตำรวจ การรังแกคุกคามประชาชนของเจ้าหน้าที่รัฐ การอุ้มฆ่าของผู้มีอิทธิพล การสร้างภาพออกสื่อของกองทัพ แค่เอาทหารมาจูงคนแก่ข้ามถนนแล้วเรียกนักข่าวช่างภาพมาถ่ายทำคงเป็นเรื่องจิ๊บๆ (เช่นนั้นหรือ?) รวมถึงทฤษฎีสมคบคิดของตำรวจปราบยาเสพติดกับพ่อค้ายา ก็ดูเป็นเรื่องเดิมๆที่เรารู้ๆกันอยู่แล้ว (เช่นนั้นหรือ?) แต่ Heli กลับเล่ามันด้วยลีลาติดดินเอามากๆ และเชื่อเถอะว่าในปัจจุบันคงไม่มีหนังไทยเรื่องไหนกล้าหาญพอที่จะตีแผ่เรื่องแบบนี้ ในสถานการณ์ตอนนี้ (แต่อีกสักสิบปีไม่แน่) อาจเป็นเพราะสื่อหลักๆส่วนใหญ่ของบ้านเรายังเลือกที่จะยืนอยู่ข้างความเชื่อ มากกว่าต้องการความจริง อาจเป็นการรักษาผลประโยชน์ของตนเองล้วนๆ และคนรุ่นใหม่ที่เหมือนถูกล้างสมองมาให้คิดตามๆกัน พูดเหมือนกันเดะ! เราอาจเห็นหนังไทยหรือละครที่เกี่ยวกับยาเสพติด หรือผู้มีอิทธิพลมาบ้างและผู้ร้ายมักเป็นนักการเมือง แต่เชื่อเถอะว่า หนังดัดจริตพวกนั้นช่างห่างไกลเหลือเกินกับความเป็นจริง
ช่วงค่ำๆ เวลาประมาณ19นาฬิกา มีวัยรุ่นคนหนึ่งยืนคอยญาติอยู่หน้าปากซอยเจริญนคร 17 แต่แล้วมีอันธพาลกลุ่มหนึ่งประมาณ4คนเข้ามาพูดจาหาเรื่อง วัยรุ่นคนนั้นจึงตัดสินใจโทรศัพท์ไป 191ขอความช่วยเหลือ ขณะที่รอตำรวจอยู่อันธพาลกลุ่มนั้นก็ได้แต่พูดด่า หาเรื่องอย่างไม่มีเหตุผล ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จะว่าเมาก็ไม่เชิง แต่ก็ยังไม่ได้ทำร้ายร่างกายใดๆ เมื่อตำรวจ2นายมาถึง ซึ่งตำรวจที่มาคนนึงไม่ได้ใส่เครื่องแบบและตัวใหญ่มากๆ ตำรวจได้สอบถามเรื่องราว วัยรุ่นคนนั้นจึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง จากนั้นตำรวจคนนั้นจึงหันไปหากลุ่มอันธพาลพวกนั้น แล้วพูดสั้นๆว่า "อัดมันเลย" เท่านั้นแหละอันธพาลพวกนั้นก็เขามารุมทำร้ายวัยรุ่นคนนั้นทันที วัยรุ่นคนนั้นพยายามหนีเอาตัวรอดจนได้ แต่ด้วยความ 'งงๆ' สงสัยในสิ่งที่เกืดขึ้นจึงลองโทรศัพท์ไปที่ สน.สำเหร่ เจ้าหน้าที่รับสายเป็นเสียงผู้ชาย เมื่อเขาทราบว่าคนที่โทรมาเป็นวัยรุ่นคนเดิม เขาจึงต่อว่าด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ และประโยคหนึ่งที่เจ้าหน้าที่พูดก็คือ "อ้าว! แล้วคุณหนีไปทำไม ทำไมไม่อยู่ที่เดิม" หลังจากผ่านคืนนั้นไป ต่อมาจึงทราบจากชาวบ้านแถวนั้นว่า อันธพาลพวกนั้นก็อาศัยอยู่ที่อาคารพานิชย์หน้าปากซอยนั้นแหละ และเป็นที่รู้กันของคนระแวกนี้ว่าขายยาบ้า อีกทั้งพวกนี้ก็สนิทกันกับตำรวจ สน.สำเหร่เป็นอย่างดี เมื่อมองขึ้นไปแถวหน้าปากซอยก็เห็นเหมือนมีป้ายโฆษณาเก่าๆ รณรงค์อะไรสักอย่างที่เขียนว่า "รักในหลวง หวงลูกหลาน ต้านภัยยาเสพติด" ลงชื่อ สน.สำเหร่... มันแปลกนะครับที่เรารู้ๆอยู่ทั้งบ้านที่อยู่คนร้าย ทั้งชื่อสน.นั้น แต่ก็เหมือนเป็นเรื่องปกติ ที่เล่าถึงเรื่องนี้เพราะวัยรุ่นคนนั้นเหมือนกับเอลี่(Heli)เอามากๆที่เป็นเพียงส่วนเล็กๆในสังคม ไม่เคยคาดฝันว่าจะมายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเลย และต้องพบกับเรื่องที่ไม่สามารถพึ่งพาใครได้ นอกจากตัวของเราเอง
เอลี่(Heli)เด็กหนุ่มโรงงานที่พยายามเอาตัวรอดและแก้ไขวิกฤติอย่างใจหายใจคว่ำ ทำเพื่อน้องสาว ทำเพื่อครอบครัว ในหนังที่สนุกที่สุดเรื่องนึงของปีนั้น Heli
0 ความคิดเห็น: